June 22, 2013

พม่า

พม่า.....ไปไกลกว่าไทยแน่ๆ


 
       ไม่ว่าเราจะเรียก"พม่า"หรือ"เมียนมาร์" แต่ก็ยังเป็นประเทศเดิม
        สิ่งที่เปลี่ยนแปลงเริ่มแรกที่เรารู้ก็คือการเปลี่ยนชื่อประเทศจาก"เบอร์มา" ที่เชื่อกันว่าเพี้ยนมาจากคำว่า "บามาร์" (Bamar) ซึ่งเป็นชื่อของชนเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในพม่า มาเป็น"เมียนมาร์" ที่มีความหมายตามภาษาท้องถิ่นว่า "เข้มแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว" โดยคำว่า "เมียน" (Myan) มีความหมายว่า "รวดเร็ว" ส่วน "มา" (ma) แปลว่า "เข้มแข็ง" และย้ายเมืองหลวงจาก"ร่างกุ้ง" (Rangkoon) ไปที่ ปีนมานา (Pyinmana) ซึ่งหากเรียนตามภาษาท้องถิ่นก็จะเรียก"เนปยีดอว์"
        ชื่อที่เปลี่ยนไม่สำคัญเท่ากับ"ความคิด"ของทางการพม่า
        วันนี้ ผู้นำพม่า"ช็อคโลก"ด้วยการ"ไฟเขียว"ให้อองซานซูจี ออกมาเดินเล่นในประเทศได้แบบเสรี(มากขึ้น) รวมถึงการได้รับอนุญาตให้ลงรับสมัครเลือกตั้ง ที่เชื่อกันว่าอีกไม่นาน เธอจะเป็น"นายกรัฐมนตรี"คนใหม่ของพม่า
        การเปลี่ยนนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือในเดือนกุมภาพันธ์ มีความเป็นไปได้ที่สหภาพยุโรป(อียู)จะเลิกกีดกันทางการค้ากับพม่า ซึ่งนั่นหมายความว่า ถนนทุกสายกำลังเดินและนำเงินทุนเข้าไป"ขุดทอง"ในพม่า ..ที่เชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติมากที่สุดในโลกในขณะนี้
        มีตั้งแต่น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ยังแรงงานคน
        พูดไปทำไมมี ...กลุ่มทุนไทย ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีนักลงทุนพาเหรดไปทำธุรกิจในพม่าเพื่อ"รอ"การเปิดเสรีอยู่แล้ว
        มีกี่คนที่"รู้"ว่าในวันนี้ ชาตรี โสภณพนิช เป็นเจ้าของโรงแรมระดับ 5 ดาวในกรุงย่างกุ้งชื่อ Chatrium Hotel Royal Lake Yangon ที่หลายคนคิดว่า คำว่า "ชาเทรียม" หมายถึง"ชาตรี" แต่จริงๆแล้วคำนี้แปลว่า"ผู้ยิ่งใหญ่"
        ไม่นับถึง"คนคุ้นหน้า"อย่าง ปตท. ที่ซื้อบ่อก๊าซมาจาก"โททาล" 2 แหล่ง
        ส่วนที่กำลังขยับตัวก็คือ "บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา" ที่ควง "พิพัฒ พะเนียงเวทย์" ไปดูลู่ทางสร้างโรงไฟฟ้า กับ โรงงานมาม่า หรือ กัลกุล ดำรงปิยวุฒิ์ เจ้าของ "กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง" ก็เพิ่งกลับจากไปดูลู่ทางที่พม่า "วรวิทย์ วีรบวรพงศ์" เจ้าของ"สยามแก๊ส" ก็กำลังดูลู่ทางลงทุนธุรกิจก๊าซในพม่า
        ไม่ต่างจากเครือซิเมนต์ไทย ที่บอสส์ใหญ่ "กานต์ ตระกูลฮุน" เตรียมตั้งโรงปูนซีเมนต์ที่นั่น
        แถม"เปรมชัย กรรณสูต" นายใหญ่เครืออิตัลไทย ก็คือคนที่ได้งานรับเหมาก่อสร้างในพม่ามากที่สุด ตั้งแต่สนามบินมัณฑะเลย์ที่กำลังจะกลายเป็นสนามบินใหญ่ที่สุดในพม่า จนถึงโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย
        ไม่รวมอีกหลายสิบนักลงทุนไทยทั้งน้อยและใหญ่ ทั้งจากส่วนกลางและภาคเหนือที่มีชื่อเป็นเจ้าของธุรกิจในพท่า        จึงกล่าวได้ว่าในวันนี้ ถนนจากเมืองไทยไปพม่า ได้ปูทางไว้อย่างดี และรัฐบาลทหารพม่าก็"รู้"ว่า ไม่สามารถปกครองประเทศในระบบเผด็จการได้อีกนาน เนื่องจากกระแสของโลกในวันนี้คือกระแส"ทุนนิยม" ที่ประชาชนเรียกร้องเพื่อความอยู่ดีกินดี
        เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้นำเผด็จการหลายคนในแอฟริกามีหรือที่ผู้นำทหารพม่าไม่กลัว
        วันนี้ พม่ากำลังขยับตัวรองรับการเปิดเสรีอาเซียนในอีกไม่นาน ขณะที่"ประเทศไทย"ดูเหมือนกำลังเดินถอยหลัง ตั้งแต่รัฐบาลที่"หลงยุค" ทำงานโดยไม่มองไปข้างหน้า การตั้งรัฐมนตรีก็เพื่อตอบสนองกลุ่มตัวเอง นายกฯก็วันๆรอคำสั่งจาก"พี่ชาย"ให้ทำอะไรบ้าง(เรื่องขายสมบัติขาติอย่างปตท.ก็น่าจะมาจากพี่ชายคิดและสั่ง) ส่วน"เด็กไทย"ก็ไม่ร่ำเรียนหนังสือ เรียนเสร็จก็ขับรถไปกินเหล้าเมาหลับตอนตี 4 จนรถชนต้นไม้ตายหลายคน หรือเด็กอาชีวะบอกว่าไปติวหนังสือ แต่กลับ"หยิบปืนมาเล่น"จนระเบิดสมองเพื่อนตาย ..
        นี่คืออนาคตของเด็กไทยที่กำลังรออาเซียนเป็นหนึ่งเดียว
        ผมจึงอยากเห็น"เด็กไทย"หันมาเอาใจใส่การใฝ่หาความรู้มากขึ้น โลกที่กำลังเป็นโลกใบเดียวที่ไร้พรมแดน เราสามารถหาทุกอย่างได้ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต แต่เด็กไทย(รวมถึงผู้ใหญ่)กลับใช้โลกอินเตอร์เน็ตแค่ดูหนัง ฟังเพลง ฯลฯ ดังจะเห็นได้จากตัวแทนจำหน่ายสินค้าไฮเทคบ้านเราทุกรายมุ่งนำเสนอโลกไฮเทค ว่ามีประโยชน์ในเรื่องดูหนัง ฟังเพลง และ ..แชท
        กระทรวงศึกษากำลังจะแจก"แท็บแล็ต" ซึ่งสิ่งที่กระทรวงควรจะสนใจ ไม่ใช่"เครื่อง"หากแต่สิ่งที่จะ"อยู่ในเครื่อง" เพราะนั่นคือ"อนาคต"ของประเทศ
        เด็กไทยยุคไฮเทค เขียนไทยก็ไม่ถูก ภาษาอังกฤษก็ไม่เป็น ...ผมอดคิดไม่ได้ว่าอีกไม่กี่วัน เราจะตามหลังพม่าแน่นอน
        "ผู้ใหญ่ไทย"นั่งคิดกันยังครับ...เราจะทำอะไรกันดี

No comments: