February 3, 2011

พริอุส



นับเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของโตโยต้า ที่เลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ "ไฮบริด" อย่าง "พริอุส" สำหรับพริอุสตัวนี้ถือเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 และประเทศไทยก็เป็นประเทศที่ 3 รองจากญี่ปุ่น และอเมริกา ที่ได้มีโอกาสผลิต รถรุ่นนี้ หลังจากประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นไปก่อนหน้านี้กับ "คัมรี่ ไฮบริด" แม้จะเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน พร้อมรับจองอย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา แต่จากกระแสตอบรับของรถรุ่นนี้ถือว่า ดีเกินคาด ล่าสุดพริอุสมียอดจองมากกว่า 3,000-4,000 คัน

และเพื่อให้ลูกค้าได้ เข้าใจรถรุ่นนี้มากขึ้น ทีมงานประชาสัมพันธ์และการตลาดของโตโยต้า ได้จัดทริปทดสอบรถคันนี้ให้กับบรรดากระจิบข่าวจากสำนักต่าง ๆ ได้มีโอกาสสัมผัส โดยเลือกดินแดนเหนือสุดแดนสยาม จ.เชียงราย เป็นที่ทดสอบ เริ่มต้นการเดินทางช่วงแรกกับเส้นทาง "มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง-ดอยตุง"

พริ อุสถูกออกแบบให้เป็นรถแฮตช์แบ็ก 5 ประตู ที่มุ่งเน้นดีไซน์ที่ล้ำ มองผาด ๆ จากภายนอกด้วยเส้นสายรอบคัน ตั้งแต่ด้านหน้าไล่เรียงไปด้านข้างตัวจนจรดด้านท้ายรถ ช่วยให้ความรู้สึกว่ารถคันนี้พร้อมจะทะยานไปข้างหน้า

เมื่อเข้ามา ภายในห้องโดยสาร ปรับตำแหน่งที่นั่ง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้สอดรับกับสรีระ เพื่อความมั่นใจ ความสบาย และความคล่องตัวในการขับขี่ ยังพอมีเวลาให้สำรวจตรวจตราภายในห้องโดยสาร อันดับแรกที่ต้องบอกว่าขัดตาขัดใจอย่างยิ่ง คือ กระจกด้านหลัง ด้วยข้อจำกัดของการออกแบบ ทำให้มีจุดบังสายตาเวลาใช้กระจกมองหลังอยู่พอสมควร

ขณะที่การออกแบบ ภายในห้องโดยสารของอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงต่าง ๆ ถือว่าออกแบบมาได้ "ล้ำ" หน้าจอดิสเพลย์ แบบออปติตรอน ที่แสดงโหมดการทำงานของระบบไฮบริด ชนิดที่ให้เห็นกันในแบบ "เรียลไทม์" รวมทั้งการคำนวณ อัตราสิ้นเปลืองต่าง ๆ พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมชุดเครื่องเสียง ชุดควบคุมแอร์ คันเกียร์ที่เป็นระบบไฟฟ้า

ตลอดจนปุ่มให้ผู้ขับขี่เลือกว่าจะขับใน โหมดใด แถมที่แผงคอนโซลกลางยังมีปุ่มไว้ให้กดเพื่ออุ่นเบาะติดตั้งไว้ด้วย ในช่วงเริ่มต้นของการเดินทางกับเส้นทางภายในมหาวิทยาลัย "ประชาชาติธุรกิจ" ขอเลือกใช้โหมด "อีวี" (EV Mode) ที่เป็นการนำพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้เพียงอย่างเดียว ด้วยความเร็วที่ต้องไม่เกิน 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมาใช้ก่อน เพราะทางช่วงนี้ยังไม่จำเป็นจะต้องใช้ความเร็วหรือความเร่งรีบมากนัก อีกทั้งยังต้องระแวดระวังผู้คนที่สัญจรไปมาภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้

ทันที ที่ขับออกมาถึงถนนด้านหน้ามหาวิทยาลัยเพื่อเลี้ยวขวาเข้าถนนแม่จัน-แม่สาย ซึ่งเป็นถนนสายหลัก ครั้งนี้ขอเลือกปรับโหมดการขับขี่มาเป็นโหมดเพาเวอร์ (PWR Mode) ที่ต้องการเรียกใช้กำลังของรถคันนี้กันบ้างในบางจังหวะที่มีโอกาส ถือว่าไม่ผิดหวัง แม้ชื่อชั้นจะบอกว่าเป็นรถไฮบริด แต่เมื่อกดแป้น คันเร่งเพื่อทำความเร็วหรือเร่งแซง เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร กับแรงงานที่ 99 แรงม้า ที่ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 650 โวลต์ กำลังสูงสุด 82 แรงม้า รอตอบสนอง เรียกว่าทำได้ดีเกินคาด

เมื่อวิ่งไต่ระดับขึ้นไปยังดอยตุง ถือว่ารถคันนี้ยังช่วยให้อารมณ์การขับขี่สนุกมากยิ่งขึ้น กับช่วงล่างที่ดูจะหนึบแน่นกว่าที่คิดเอาไว้เยอะ แถมช่วงเข้าโค้งสลับไปมาระหว่างทาง ยิ่งทำให้การขับขี่มีสีสันมากยิ่งขึ้นด้วยระบบควบคุมการทรงตัว VSC ทำงานร่วมกับระบบ EPS ประกอบกับพวงมาลัยที่ควบคุมง่ายทำให้คลายความกังวลใจ มาถึงตรงนี้ต้องบอกว่าแม้จะไม่ได้ทดสอบกับโหมดอีโค (ECO Mode) มากเท่าไรนัก เพราะการออกแบบการทำงานของโหมดนี้จะมุ่งไปที่การเน้นขับประหยัด โดยเฉพาะในเมืองช่วงรถติด ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าเป็นสำคัญ ส่วนความเร็วที่เรียกออกมาได้สำหรับรถไฮบริด คันนี้อยู่ที่ระดับ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ส่วนเรื่องการใช้งานของคันเกียร์นั้น ในช่วงแรกอาจจะต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกันเล็กน้อย แต่เมื่อทุกอย่างลงตัวก็ไม่ได้เป็นปัญหา ส่วนวิธีการใช้เกียร์ก็ไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่โยกคันเกียร์ไปมา ส่วนใครที่กังวลว่าอาจจะทำให้เข้าเกียร์ผิดถูกยิ่งไม่ต้องกังวล เพราะระบบความปลอดภัยจะตัดไปที่ตำแหน่งเกียร์ว่างในทันที รวมถึงหากพลาดไปโดนปุ่ม P ระหว่างขับขี่อยู่ด้วย

มาถึงบรรทัดนี้คง ต้องบอกว่า โตโยต้า พริอุสคันนี้ไม่เพียงแค่จะมีทั้งความประหยัด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมล้นเหลือแล้ว แม้แต่สมรรถนะในการขับขี่ก็ไม่ได้ด้อยลงไปแต่อย่างใด ผู้ที่สนใจ โตโยต้าฝากแจ้งว่า พร้อมยินดีให้เข้าไปทดลองขับกันที่โชว์รูมทุกสาขาทั่วประเทศ ส่วนราคาค่าตัวก็ไม่แพงอย่างที่คิดเริ่มต้นที่ 1.19 ล้าน ส่วนตัวท็อปราคาอยู่ที่ 1.26 ล้านบาท ส่วนสีขาวเพิ่มอีก 10,000 บาท นอกจากนี้โตโยต้ายังรับประกันแบตเตอรี่ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ส่วนราคาแบตลูกใหม่นั้นราคาอยู่ที่ประมาณ 70,000 บาท